
สวัสดีครับ
สำหรับท่านที่ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยคล่อง ท่านเคยรู้สึกตอนที่ท่านยืนอยู่ใกล้ ๆ และได้ยินเพื่อนของท่านพูดภาษาอังกฤษได้คล่องไหมครับ คือ เขาพูดไม่เห็นจะยากเลย เราเองก็ฟังรู้เรื่อง แต่ถ้าให้เราพูดเอง กลับพูดไม่ได้คล่องเหมือนเขา
ผมว่าภาษาอังกฤษก็เหมือนการต่อยมวยนั่นแหละครับ คือต้องกระโจนขึ้นไปบนเวทีและต่อยกับคู่ต่อสู้ด้วยตัวเอง หรือเหมือนกับการว่ายน้ำที่ต้องกระโจนลงไปในสระ ในแม่น้ำ ในทะเล และว่ายน้ำด้วยตัวเอง การถูกคู่ต่อสู้ต่อยเอาบ้าง การสำลักน้ำบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดา ผ่านชั่วโมงการชกมวย – การว่ายน้ำ – การพูดภาษาอังกฤษมามาก ๆ ก็จะต่อยมวยได้ดีขึ้น - ว่ายน้ำได้ดีขึ้น – และพูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น
อันที่จริงย่อหน้าข้างต้นนี้ผมไม่จำเป็นต้องพูดเลย เพราะใครๆ ก็รู้ดีอยู่แล้ว แต่ที่ผมจำเป็นต้องพูดเพราะมีย่อหน้าที่สองซึ่งสำคัญมาก และเกี่ยวข้องกับย่อหน้าที่หนึ่งเอามาก ๆ…..
ก็คือว่า หลายท่านพูดว่า ก็ในเมื่อไม่มีโอกาสจะขึ้นเวที ลงสระน้ำ เจอฝรั่ง จะให้ต่อยมวยเป็น – ว่ายน้ำเป็น – พูดภาษาอังกฤษเป็น ได้อย่างไร แล้วก็โบกมือบ๊าย บาย การพูดภาษาอังกฤษ... เอวังก็มีด้วยประการละฉะนี้
มาถึงบรรทัดนี้แหละครับที่ผมต้องการพูด คือเรื่องของการ “ซ้อม” ไม่มีนักมวยคนไหนหรอกครับที่ขึ้นเวทีโดยไม่ซ้อม ต่อให้ขึ้นต่อยกี่สิบกี่ร้อยครั้งแต่ไม่เคยซ้อมหรืออ่อนซ้อม ก็มีแต่ถูกน็อกลูกเดียวแหละครับ หรือถ้าว่ายน้ำไม่เป็นแต่ไม่ยอมซ้อมไปตาม step ของโค้ช พอไปถึงสระก็กระโดดตูมลงกลางสระเลย ก็มีแต่สำลักน้ำหรือจมน้ำรอให้คนมาช่วยลูกเดียวอีกเช่นกัน นักมวย-นักว่ายน้ำขาดซ้อมไม่ได้ฉันใด นักพูดภาษาอังกฤษก็ขาดซ้อมไม่ได้ฉันนั้นครับ
แต่ความต่างอยู่ตรงนี้ครับ การซ้อมเพื่อให้พูดภาษาอังกฤษได้ ไม่จำเป็นต้อง ‘พูด’ ตลอดเวลา เรารู้อยู่แล้วว่าทุกภาษามีอยู่ 4 ทักษะ คือ ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน และก็ต้องฝึกฝนหรือใช้ทุกทักษะผสมปนเปกันไป และทุกทักษะก็จะช่วยเหลือกัน ไม่ใช่ว่าชอบอ่านก็จะเอาแต่อ่านทั้งวันทั้งคืน หรือชอบพูดก็จะเอาแต่พูดไม่ลืมหูลืมตา อย่างนี้คงไม่ดีแน่
ตอนที่มีโอกาสไปบางประเทศในแถบเอเชีย ผมเคยทักบางคนในประเทศนั้น ๆ ว่าทำไมพูดภาษาอังกฤษสำเสียงดีจัง คำตอบก็มักจะคล้าย ๆ กันคือเขาฟังข่าว BBC, CNN หรือ VOA เป็นประจำแทบทุกวัน บางคนปีทั้งปีอาจจะมีโอกาสพูดภาษาอังกฤษอยู่ไม่กี่สัปดาห์ แต่เมื่อถึงเวลที่ต้องพูดภาษาอังกฤษก็พูดได้ – และพูดได้ดี แน่นอนแหละครับ เขาก็ไม่ทิ้งการอ่าน เช่น อ่านหนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษ หรืออาจจะต้องเขียนจดหมายหรืออีเมลติดต่อผู้คนอยู่บ้าง
ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ผมต้องการแสดงตัวอย่างว่า ถ้าตัวเราเองต้องการฝึกเน้นให้พูดภาษาอังกฤษให้ได้ แต่ไม่มีโอกาสได้พูดบ่อยนักหรือมีโอกาสน้อยมาก ก็ต้อง ‘ซ้อม’ ครับ และเมื่อไม่มีโอกาสที่จะซ้อม”พูด” กับผู้คนตัวเป็น ๆ บ่อยนัก ก็ต้องซ้อม ”ฟัง” ให้มาก ๆ และซ้อม “ขยับปากออกเสียง” พูดออกมาให้ได้ตามที่ได้ยิน หูกับปากมันอยู่ใกล้กัน เราต้องฝึกมัน – ซ้อมมัน พร้อม ๆ กัน คือฝึกเงี่ยหู - และฝึกขยับปากให้มีเสียงเล็ดลอดออกมาให้ได้ ส่วนอ่านและเขียนนั้นก็ไม่ควรจะทิ้ง โดยเฉพาะเรื่องการอ่านซึ่งใช้ตา จำง่าย ๆ ว่า อวัยวะทั้ง 3 นี้ คือปาก – หู – ตา มันอยู่ติดกัน จึงต้องใช้มันทำงานพร้อม ๆ กัน อย่าให้อันใดอันหนึ่งขี้เกียจเกี่ยงงาน และเมื่อถึงเวลาที่ต้องทำงาน มันก็จะทำงานช่วยเหลือกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น